ประวัติความเป็นมา
วันเด็กแห่งชาติ มีต้นกำเนิดมาจากการที่องค์การสหประชาชาติทั่วโลกเกิดความตื่นตัว
และเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะให้ความสำคัญแก่เด็ก ๆ โดยในปี พ.ศ. 2498 นายวี เอ็ม กุล ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิการเด็กระหว่างประเทศ
ได้เป็นผู้เสนอต่อกรมประชาสงเคราะห์ ให้มีการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญ และความต้องการของเด็ก
รวมถึงเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ
โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
ทั้งนี้ การขานรับกับการจัดงานวันเด็กแห่งชาติได้เป็นไปอย่างกว้างขวาง
ในปีเดียวกันนั้นเองทั่วโลกไม่น้อยกว่า 40 ประเทศ
จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติของตนขึ้น
โดยได้มีการกำหนดว่าจะถือเอาวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี
เป็นวันเด็กแห่งชาติ
สำหรับประเทศไทย ได้ตอบรับข้อเสนอของนายวี เอ็ม กุลกานี
ซึ่งบอกผ่านมาทางกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทยว่า
ไทยควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติ
รัฐบาลจึงได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ขึ้นมาคณะหนึ่ง
ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน
กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียน และนอกระบบโรงเรียน
ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย
ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
อย่างไรก็ตาม
งานวันเด็กแห่งชาติครั้งแรกของประเทศไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2498 จากนั้นเป็นต้นมา
ราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ
โดยจัดต่อเนื่องกันมาจนถึงปี 2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้น
ได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่า
สมควรที่จะเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่ ด้วยเหตุผลว่า
เดือนตุลาคมสำหรับประเทศไทย เป็นเดือนที่ยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็ก ๆ
ไม่สะดวกในการเดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง
จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้
ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบ ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 ว่า
ควรจะเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ที่มีความเหมาะสมและสะดวกมากกว่า
ตามที่คณะกรรมการจัดงานวัดเด็กแห่งชาติเสนอมา ส่งผลให้ในปี 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้วงานวันเด็กแห่งชาติจึงเริ่มจัดขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 2508 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน
วัตถุประสงค์การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ที่รัฐบาลไทยกำหนดไว้ คือ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก
สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ
เพื่อให้เด็กและและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตนและอยู่ในระเบียบวินัยอันดี
และเพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก
นอกจากนี้
จะเห็นได้ว่า ทุก ๆ ปี ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จะพระราชทานพระบรมราโชวาท สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงโปรดประทานพระคติธรรม และ ฯพณฯ
นายกรัฐมนตรีจะมอบคำขวัญวันเด็ก
แสดงให้เห็นว่าเด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดของชาติ
เราจึงได้ยินคำพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "เด็กคืออนาคตของชาติ
เด็กฉลาด ชาติเจริญ"
กิจกรรมวันเด็ก
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ปฏิบัติในวันเด็กแห่งชาติ
ล้วนมีจุดประสงค์ไปในทางเดียวกัน คือ เพื่อให้เด็กได้ตระหนักถึงคุณค่าบทบาท
และความสำคัญของตนเอง โดยการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ในโรงเรียน หมู่บ้าน
หรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจัดขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกถิ่นจะมีขนมมากมาย
มีคำเชื้อเชิญเพราะ ๆ มีคำอวยพรให้เด็กๆ เป็นวันที่เด็ก ๆ มีสิทธิพิเศษ ถนนทุกสาย
เปิดพื้นที่ให้เด็กๆ หรือร่วมกันทำกิจกรรม ในแต่ละชุมชนเพื่อเด็กๆ
จัดบรรยากาศเพื่อเด็ก ๆ เพลงเด็ก ๆ ของขวัญเพื่อเด็ก ๆ ฯลฯ
คำขวัญวันเด็ก
คำขวัญวันเด็ก
เป็น คำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี
โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล
ป.พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล
สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก
จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ
(ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา
จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
คำขัญวันเด็กแห่งชาติ จากนายกรัฐมนตรีในปีต่างๆ
ในปี พ.ศ. 2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
เป็นนายกรัฐมนตรี ได้เห็นคุณค่าความสำคัญ ของเด็กจึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคิด
สำหรับเด็ก นายกรัฐมนตรี ในสมัยต่อ ๆ มา จึงได้ถือปฎิบัติสืบต่อมาดังต่อไปนี้
☺ พ.ศ.2499
- จอมพล ป.พิบูลสงคราม -
จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
☺ พ.ศ.2502 -
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า
จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
☺ พ.ศ.2503 -
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า
จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
☺ พ.ศ.2504 -
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า
จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
☺ พ.ศ.2505 -
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า
จงเป็นเด็กที่ประหยัด
☺ พ.ศ.2506 -
จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ - ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า
จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
☺ พ.ศ.2507 - งดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
☺ พ.ศ.2508 - จอมพล
ถนอม กิตติขจร - เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
☺ พ.ศ.2509 -
จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น
และสมานสามัคคี
☺ พ.ศ.2510 -
จอมพล ถนอม กิตติขจร - อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
☺ พ.ศ.2511 -
จอมพล ถนอม กิตติขจร - ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต
ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
☺พ.ศ.2512 -
จอมพล ถนอม กิตติขจร - รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี
เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
☺ พ.ศ.2513 -
จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
☺ พ.ศ.2514 -
จอมพล ถนอม กิตติขจร - ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี
เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
☺ พ.ศ.2515 -
จอมพล ถนอม กิตติขจร - เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
☺ พ.ศ.2516 -
จอมพล ถนอม กิตติขจร - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
☺ พ.ศ.2517 -
นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - สามัคคีคือพลัง
☺ พ.ศ.2518 -
นายสัญญา ธรรมศักดิ์ - เด็กดีคือทายาทของชาติไทย
ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
☺ พ.ศ.2519 -
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช -
เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
☺ พ.ศ.2520 -
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
☺ พ.ศ.2521 -
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ
เด็กฉลาดชาติเจริญ
☺ พ.ศ.2522 -
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
☺ พ.ศ.2523 -
พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ - อดทน ขยัน ประหยัด
เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
☺ พ.ศ.2524 -
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด
เคร่งครัดคุณธรรม
☺ พ.ศ.2525 -
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์
กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
☺ พ.ศ.2526
- พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด
มีวินัยและคุณธรรม
☺ พ.ศ.2527
- พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด
สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
☺ พ.ศ.2528
- พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
☺ พ.ศ.2529
- พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ
ถือคุณธรรม
☺ พ.ศ.2530
- พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ
ถือคุณธรรม
☺ พ.ศ.2531
- พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ - นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ
ถือคุณธรรม
☺ พ.ศ.2532
- พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ
ถือคุณธรรม
☺ พ.ศ.2533
- พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ
ถือคุณธรรม
☺ พ.ศ.2534
- พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ - รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
นำชาติพัฒนา
☺ พ.ศ.2535
- นายอานันท์ ปันยารชุน - สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
☺ พ.ศ.2536
- นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา
รักษาสิ่งแวดล้อม
☺ พ.ศ.2537
- นายชวน หลีกภัย - ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา
รักษาสิ่งแวดล้อม
☺ พ.ศ.2538
- นายชวน หลีกภัย - สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
☺ พ.ศ.2539
- นายบรรหาร ศิลปอาชา - มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย
หลีกไกลยาเสพติด
☺ พ.ศ.2540
- พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ - รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา
ไม่พึ่งพายาเสพติด
☺ พ.ศ.2541
- นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
☺ พ.ศ.2542
- นายชวน หลีกภัย ขยัน - ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
☺ พ.ศ.2543
- นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
☺ พ.ศ.2544
- นายชวน หลีกภัย - มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
☺ พ.ศ.2545
- พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้
สู่อนาคตที่สดใส
☺ พ.ศ.2546
- พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เรียนรู้ตลอดชีวิต
คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
☺ พ.ศ.2547
- พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน
รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
☺ พ.ศ.2548
- พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - เด็กรุ่นใหม่
ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
☺ พ.ศ.2549
- พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร - อยากฉลาด
ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
☺ พ.ศ.2550
- พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง
หลีกเลี่ยงอบายมุข
☺ พ.ศ.2551
- พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ - สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้
เชิดชูคุณธรรม
☺ พ.ศ.2552
- อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน
ผูกพันรักสามัคคี
☺ พ.ศ.2553
- อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม
☺ พ.ศ.2554
- อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ
☺ พ.ศ.2555
- ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร - สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา
คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี
☺ พ.ศ.2556
- ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร - รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา
นำพาไทยสู่อาเซียน
แหล่งที่มา : http://hilight.kapook.com/view/17298
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น